ติดต่อสหกรณ์ 02-7352290
สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฟรีเทรด จำกัด
Free Trade Credit Union Cooperative, Limited
Toggle navigation
หน้าแรก
เกี่ยวกับสหกรณ์
ประวัติความเป็นมา
วิสัยทัศน์(Vision) พันธกิจ(Mission)
บริการสหกรณ์
การสะสมหุ้น
การฝากเงินออมทรัพย์
สวัสดิการแก่สมาชิก
บริการเช่าห้องประชุมสำนักงานใหญ่ FTC
สินเชื่อเพื่อสมาชิก
สินเชื่อพิเศษหมุนเวียน (หุ้น,เงินฝากค้ำ)
สินเชื่อพิเศษหมุนเวียน ตามระยะเวลาในการสะสมหุ้น (มพ.)
สินเชื่ออเนกประสงค์ (จำนองหลักทรัพย์)
สินเชื่ออเนกประสงค์ (บุคคลค้ำประกัน)
สินเชื่อพิเศษหมุนเวียน VIP
สินเชื่อผลิตภัณฑ์แอมเวย์
สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย
สินเชื่อเพื่อการศึกษา
สินเชื่อสามัญ
สินเชื่อเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์ Apple
สินเชื่อเพื่อเกษตรกรรม
เอกสารดาวน์โหลด
ศูนย์ประสานงาน
สำนักงานใหญ่
ศูนย์ประสานงานภูเก็ต
ศูนย์ประสานงานสงขลา
ศูนย์ประสานงานสุราษฎร์ธานี
ศูนย์ประสานงานชลบุรี
ศูนย์ประสานงานเชียงใหม่
ศูนย์ประสานงานขอนแก่น
ศูนย์ประสานงานนครราชสีมา
ศูนย์ประสานงานยโสธร
ติดต่อเรา
ติดต่อเรา
สมัครสมาชิก
ข่าวประชาสัมพันธ์
ข่าวประชาสัมพันธ์
หน้าแรก
ข่าวประชาสัมพันธ์
FTC TALK EP.37 : อยากรวย ต้องเปลี่ยนนิสัยนี้
โดย Admin T
วันที่ 10 มี.ค. 2565 เวลา 15:37 น.
1404
สรุปการเสวนา
FTC TALK EP.37 : อยากรวย ต้องเปลี่ยนนิสัยนี้
รายการ FTC Talk ประจำวันเสาร์ ที่ 5 มีนาคม 2565 ได้รับเกียรติจาก คุณสายพิณ ตรีกิตติวัฒน์ อดีตทนายความ, นักจัดรายการวิทยุ และวิทยากรอบรม ปัจจุบันท่านดำรงเป็นคณะกรรมการดำเนินการ ชุดที่ 18 ของ FTC มาแบ่งปันแง่คิดใหม่ๆในเรื่องการเงิน ในหัวข้อ “ อยากรวยต้องเปลี่ยนนิสัยนี้ ! ”
คนจนและคนรวย ต่างกันที่
Mind Set
มีวิถีของการเดินทางคนละเส้น คนละแบบกัน
คนรวย จะมี Mind set ที่ทำทุกอย่างที่เป็นเรื่องของการสร้างชีวิตและสร้างอนาคต โดยก่อนจะใช้เงินคนรวยจะคิดก่อนเสมอ ว่าจะใช้ไปกับอะไร
คนจน จะมี Mind set ที่หากมีเงินจะนำเงินไปเสพสุขกับสิ่งใด โดยจะนำไปอุปโภค บริโภคมากกว่าที่จะนำไปลงทุน
คนในโลก มี 3 กลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มจะมี Mind set ที่แตกต่างกัน
กลุ่มที่ 1 รายได้กับรายจ่ายเท่ากัน คนกลุ่มนี้จะมีวิกฤตชีวิตไม่ได้เลย เพราะไม่มีเงินสำรอง
กลุ่มที่ 2 รายจ่ายเกินรายได้ ต้องพยายามตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป หรือต้องพยายามเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น
กลุ่มที่ 3 รายจ่ายน้อยกว่ารายได้ จะต่างกับ รายได้มากกว่ารายจ่าย เพราะจะมีคนประเภทหนึ่ง ที่พอรายได้มากกว่าจะขยับรายจ่ายตามขึ้นมาทันที เช่น เมื่อโบนัสออก
- คนที่มี Mind set จน จะใช้เงินไปกับการเดินห้างสรรพสินค้า เพื่อซื้อสินค้าหรือ Shopping ต่างๆ ดังนั้นลักษณะแบบนี้ คือ การปรับความเป็นอยู่ให้เทียบเท่าหรือใกล้เคียงกับรายได้ เช่น เปลี่ยนรถ เปลี่ยนที่พักอาศัย ซึ่งเป็น Mind set ที่ไม่มีทางรวย
- คนที่มี Mind set รวย จะเก็บเงินโบนัสไว้ แล้วนำไปพิจารณาในการชำระค่าบ้าน เพื่อให้การชำระจบเร็วกว่ากำหนด หรือนำเงินดังกล่าวไปลงทุน ซื้อหุ้น กองทุนต่างๆ
จะทำอย่างไร ให้ รายจ่ายน้อยกว่ารายได้ และจะทำให้เกิดผลดีอย่างไร
ปลูกฝังนิสัยกินอยู่ต่ำกว่าฐานะเสมอ
คนโบราณจะปลูกฝังนิสัยของการมัธยัสถ์ อดออม จึงมีทรัพย์สินตกทอดมาให้ลูกหลาน แต่คนปัจจุบันส่วนใหญ่กินอยู่สูงกว่าฐานะเสมอ ดังนั้นควรทำรายจ่ายให้ต่ำกว่ารายได้เสมอ แล้วเราจะอยู่แบบมีความสุขในทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
วงจรของคนจน
- วิ่งหางาน วิ่งหาเงิน ทันทีที่ได้งานและเงินมา จะมีลักษณะได้มาพร้อมกับความเหนื่อย จึงเกิดความเครียด เพราะเมื่อมีอารมณ์เหนื่อย จึงคิดว่าต้องให้รางวัลตนเอง เช่น การไปเที่ยว พอกลับจากเที่ยว เงินเดือนหรือเงินที่มีอยู่หมด ต้องกลับมาหาใหม่ จึงเป็นวงจรที่วนอยู่แบบนี้ จะแตกต่างจากวงจรของคนรวยที่จะศึกษาวิธีการหาเงิน แต่ถ้าวันนี้เปลี่ยนจากหาเงินที่ได้มา จากเดิมที่เคยนำไปให้รางวัลตัวเอง เปลี่ยนเป็นนำไปลงทุน หรือนำไปออม เงินนี้จะงอกเงย แล้ววันหนึ่งจะหลุดจากวงจรนี้ แต่ถ้ายังหาเงิน สร้างหนี้ อยู่แบบนี้จะไม่มีวันหลุดออกจากกองหนี้ได้เลย
อารมณ์ กับ เงิน เป็นเรื่องเดียวกัน
- คนที่อารมณ์มั่นคง จะไม่ใช้เงินโดยที่ไม่ผ่านการคิดก่อน จะต้องคิดว่าก่อให้เกิดรายได้หรือไม่
- คนที่อารมณ์เป็นลบ จะใช้เงินแบบขาดสติ เพราะอารมณ์ลบทำให้ขาดสติ ทำให้สร้างปัญหาใหม่ๆ ขึ้นมา
วิชาใช้งานไม่ต้องเรียน แต่วิชาหาเงินต้องเรียน
วงจรของคนจน ที่ถ้าได้ก้าวขาเข้าไปแล้วจะหลุดออกมายาก
1. สายการพนัน Online
2. กู้นอกระบบ เพราะจะก่อปัญหายืดเยื้อ
3. การจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ
การประเมินความมั่นคงทางรายได้
ปัจจุบันทุกๆงาน ถือว่าไม่มีความมั่นคง เพราะกระแสต่างๆ ถูกปรับเปลี่ยนมาเรื่อยๆ ตามช่วงเวลาและสถานการณ์ต่างๆ โดยลักษณะของรายได้จากอาชีพต่างๆก็จะมีการเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ต่างๆด้วยเช่นกัน
พนักงาน ลูกจ้าง บริษัท องค์กรต่างๆ หากกรณีเกิดวิกฤตขึ้น แล้วยังมีภาระต่างๆที่ต้องดูแลและรับผิดชอบอยู่ ควรมีเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของตนเอง หรือ Paysafe ไว้ก่อนหน้า 6-12 เดือน
งาน Freelance เป็นงานที่ไม่ผูกสัญญาว่าจะได้รับเงินทุกเดือน มีงานได้เงิน ไม่มีงานไม่ได้เงิน และในสถานการณ์โควิด-19 ในตอนนี้ ทำให้กระทบกับหลายๆวงการ เช่น วงการบันเทิง วงการท่องเที่ยว เป็นต้น
เจ้าของกิจการ ด้วยสถานการณ์โควิด-19 บางกิจการได้รับผลกระทบ ทำให้ต้องลดจำนวนคนงานลง หรือต้องเปลี่ยนกิจการไปทำอย่างอื่นแทน เพื่อลดภาระที่เจ้าของกิจการต้องรับผิดชอบ
ดังนั้นครอบครัวเดียวกัน จึงไม่ควรทำงานที่อยู่ในองค์กร หน่วยงาน ธุรกิจ อาชีพ เดียวกันทั้งครอบครัว เพราะหากเกิดวิกฤตจะทำให้ลดความเสี่ยงในการได้รับผลกระทบจากสถานการณ์นั้นๆ และไม่ควรประกอบอาชีพเพียงอาชีพเดียว ดังนั้นอาชีพที่ 2 จึงเป็นอะไหล่สำรองที่สำคัญหากเกิดวิฤตในชีวิต เพราะวิกฤตทางการเงินอาจมาจาก
1. รายได้หายไป เช่น ตกงาน
2. วิกฤตโควิด-19 กระทบ ทำให้อาชีพที่ทำอยู่ไม่สามารถทำต่อไปได้
3. วิกฤตสงครามที่กำลังเกิดขึ้น ส่งผลกระทบทั่วโลก
4. วิกฤตสุขภาพ ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่จะแก้ได้ด้วยการดูแลสุขภาพตั้งแต่เบื้องต้นก่อนที่จะป่วย
อย่าแก้หนี้ด้วยหนี้
นำเงินที่มีอยู่ไปสร้างให้เกิดเงินเพิ่มขึ้น เช่น นำไปลงทุนที่จะทำให้เกิดผลตอบแทน โดยอาจเปลี่ยนจากการเล่นหวย ซึ่งมีความน่าจะเป็นน้อยมากที่จะก่อให้เกิดผลตอบแทน เป็นการนำเงินไปซื้อสลากออมสินหรือ ธกส. เก็บไว้ แม้จะให้ผลตอบแทนไม่มาก แต่ไม่ก่อให้เกิดหนี้สินเพิ่ม เพราะการซื้อหวยและการซื้อกล่องสุ่มในปัจจุบัน ถือเป็นสิ่งที่เรายอมถูกเอาเปรียบอย่างเต็มใจตั้งแต่ก้าวแรกที่ก้าวเข้าไป
คำถามจากทาง
Facebook
Q : ถ้าให้เริ่มเปลี่ยน จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดีคะ ด้านการเงิน
คุณสายพิณ :
เริ่มจากจดภาระทั้งหมดที่มีอยู่ โดยวิธีการปิดหนี้ ให้ปิดหนี้ตัวที่ดอกเบี้ยสูงก่อน ตัวที่ดอกเบี้ยน้อยปิดทีหลัง
อย่าก่อภาระหนี้ใหม่ เพราะในตอนนี้ไม่มีใครสามารถการันตีรายได้ให้เรา ฉะนั้นเราต้องเป็นคนระมัดระวังรายจ่ายของเราเอง เพราะวิกฤตชีวิตนั้นมาได้ในทุกทิศทาง ให้ลองตั้งโจทย์ว่า สมมติวันนี้เงินเดือนลดลง 30% เราจะดำรงชีวิตต่อไปอย่างไร ? ถ้าเราอยู่ได้ ให้เรานำเงิน 30% ที่หายไปนั้น ฝากเข้าบัญชีไว้ หรือเอาเก็บไว้เป็นกองทุนยามวิกฤต หรือนำไปลงทุนในกองทุนรวมที่เราศึกษามาอย่างดีแล้ว รวมถึงระมัดระวังหนี้ที่ไม่ได้ก่อ เช่น หนี้ค้ำประกัน, หนี้อุปถัมภ์, ไม่ซื้อของที่ผูกพันในระยะยาว อาทิเช่น บ้าน รถ โดยต้องคำนึงถึงความจำเป็น และต้องดูความสามารถในการผ่อนชำระก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ
“ ไม่มีเรื่องใดแก้ไขไม่ได้ในโลกนี้ ทุกเรื่องแก้ไขได้เมื่อเราหันหน้าเข้าไปเผชิญหน้ากับมัน ทุกเหตุในชีวิตของเรามันมีที่มา ผลเกิดแต่เหตุ เมื่อเราหันกลับไปดูแล้ว เราสาวไปที่สาเหตุ แล้วแก้ที่ต้นเหตุ เมื่อเราแก้ต้นเหตุจบ ผลมันก็จบ ’’
บางครั้งถ้าเรามีภาระหนี้ที่ล้น อาจจะต้องยอมสละบางอย่าง เพราะฉะนั้นการแก้หนี้จึงไม่ใช่การสร้างหนี้ใหม่ แต่คือการที่ต้องยอมตัดภาระที่เกินจำเป็นออก และควบคู่ไปกับการเพิ่มศักยภาพให้กับตัวเอง แล้วนำศักยภาพนั้นออกมาใช้ ทั้งทางด้านความรู้ ความสามารถต่างๆ ภายใต้พื้นฐานของความสุจริตเป็นที่ตั้ง เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับตัวเอง แล้วนำไปผ่อนเบาภาระหนี้ต่างๆลงได้
ข่าวล่าสุด
ตัวอย่างหนังสือยืนยันการถือหุ้น หนี้ และเงินฝาก
3103 ครั้ง
ประกาศเงินกู้พิเศษหมุนเวียนเพื่อเกษตรกรรม ปี 2567
92 ครั้ง
ประกาศเรื่องอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับสมาชิก ปี 2567
90 ครั้ง
ระเบียบสินเพื่อการศึกษา ปี 2567
77 ครั้ง
โครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือสมาชิกผู้ประสบภัยพิบัติ พ.ศ. 2567
679 ครั้ง
ดูทั้งหมด
×