ฝ่าวิกฤตกับกรรมกรออนไลน์

โดย Admin T
 วันที่ 11 ส.ค. 2564 เวลา 15:47 น.
 1940

สรุปความ FTC Channel “ฝ่าวิกฤติ กับกรรมกร Online” 

 

เช้าวันเสาร์แบบนี้ FTC Channel ชวนมาพัฒนาความคิดฝ่าวิกฤติโควิด-19 จาก ประสบการณ์คุณแต้ม คำดี ศิริพลพรหม อตีดกรรมกรที่พัฒนาตัวเองจนเชี่ยวชาญในการทำการตลาดออนไลน์ ร่วมเสวนากับผู้รู้ด้านสุขภาพการเงินอย่าง นพ.วัชรา ทรัพย์สุวรรณ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ FTC ดำเนินรายการโดย คุณสุวิทย์ พูลสุขเลิศ ประธานคณะกรรมการศึกษา FTC และคุณอภิสรา สุทิน เจ้าหน้าที่บริการ FTC จ.สุราษฎร์ธานี ร่วมแบ่งปันแนวทางการปรับตัวเพื่อฝ่าวิกฤติไปด้วยกัน

 

ช่วงแรก รู้ทันพร้อมรับมือสถานการณ์โควิด-19 โดย นพ.วัชรา

อัพเดทสถานการณ์โควิด-19 ตอนนี้ทั่วโลกติดเชื้อกว่า 200 ล้านคน เสียชีวิตไป 4.2 ล้านคน ประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ อเมริกา ตามด้วยอินเดีย ส่วนในอาเซียน อินโดนีเซีย มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมและผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุดในอาเซียน ในไทยเอง มีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 5.4 แสนคน แต่การจะดูว่าประเทศใดสถานการณ์ร้ายแรงมากกว่า ต้องเทียบจากฐานประชากรที่เท่ากัน ที่ 1,000,000 คน

 

จะเห็นว่าแม้อินเดียจะไม่ก้าวหน้าเท่ายุโรปแต่เป็นที่น่าแปลกใจว่า อินเดีย มีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่และอัตราผู้เสียชีวิตต่ำกว่าประเทศในแถบยุโรปและอเมริกามาก อาจเพราะการเก็บข้อมูลสถิติไม่ทั่วถึง แต่ที่น่าสังเกตคือ ปัจจัยที่น่าจะช่วยให้ความรุนแรงของสถานการณ์การแพร่ระบาดในอินเดียลดความรุนแรงลงได้ คือ  อินเดียเป็นประเทศที่มีอาหารที่อุดมไปด้วยสมุนไพรมาก มีการพัฒนาวัคซีนและยาเอง รวมไปถึงการใช้ศาสตร์การแพทย์แบบผสมผสาน ทั้งอายุรเวช (สมุนไพรผสมผสาน) การผลิตยาด้วยเทคโนโลยีในประเทศอินเดียสามารถให้ประชาชนเข้าถึงได้ในราคาถูกและทั่วถึง และการแพทย์แบบ Homeopathy การแพทย์รักษาทางเลือกที่มีต้นกำเนิดในเยอรมัน ก็ใช้ในอินเดียอย่างแพร่หลาย  

ประเทศไทยเมื่อเทียบกับประเทศอื่น จำนวนผู้ติดเชื้ออยู่ในอัตราที่ต่ำกว่ามาก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับอเมริกา เมื่อเจอวิกฤติ อเมริกามักจะพิมพ์เงินดอลลาร์ออกมา ในตลาดจำนวนมาก ทำให้ค่าของเงินขาดความน่าเชื่อถือ ในอนาคตเงินจะล้นโลกและกลายเป็นเศษกระดาษ และเงินดิจิตอลก็ถูกผลิตออกมามากเช่นกัน โดยประเทศที่เป็นดิจิตอลเต็มตัวในเอเชีย คือ ประเทศจีน ใช้สกุลดิจิตอลหยวน ในไทยคาดว่าปี 2565 เงินดิจิตอลสกุลอินทนนท์ จะเริ่มออกใช้ ทั้งนี้รัฐได้เริ่มกระตุ้นประชาชนให้มีการลงทะเบียนรับเงินชดเชย ผ่านทางแอพเป๋าตังค์ ดังนั้นเราต้องเตรียมพร้อมเพื่อปรับตัวให้ทันรับกับสถานการณ์โลกดิจิตอลในอนาคตด้วย

 

คุณสุวิทย์ กล่าวว่า วันนี้เราต้องพร้อมปรับตัว เหมือนคุณแต้ม คำดี อดีตกรรมกร ที่ไม่ได้มีความรู้สูง แต่ในยุคโควิดนี้ คุณแต้มปรับตัวอย่างไรจึงสามารถเปลี่ยนตัวเอง จากผู้หารายได้จากแรงงานมือ มาเป็นการใช้แรงสมองในยุคดิจิตอล มารับฟังแนวคิดและประสบการณ์ของคุณแต้มกัน 

 

ชีวิตกรรมกร ก่อนก้าวสู่แพลตฟอร์มธุรกิจ โดย คุณแต้ม คำดี 

 

พี่แต้มจบ ป. 4 สมัยก่อนภาระเยอะ ไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นนอกจากทำมาหากิน เรียกได้ว่าเรื่องสร้างสรรค์ไม่ต้องพูด แต่เรื่องสร้างชีวิตนี่แต้มเลย คิดดูว่าปัจจุบันอายุ 63 แต่มีไลฟ์สดตั้งแต่ 6 โมง จากนั้นคุยกับองค์กรต่อถึงดึก พี่คิดไม่ถึงว่า สมองที่อยู่ใต้ผมต้องมาใช้งานเยอะในตอนแก่ เพราะทำธุรกิจต้องใช้สมองเยอะมากในยุคนี้ ทำให้ต้องพัฒนาตัวเองเยอะมาก ไม่อยากเชื่อตัวเองเหมือนกันค่ะ

ก่อนอื่น ขอเล่าประวัติชีวิตของพี่แต้ม ด้วยความจนของครอบครัวเรา ตอนแม่ป่วยไม่มีเงินค่ารักษา ตอนที่แม่ตายเราไม่มีโลงให้แม่ ทำให้ต้องถอดฝาบ้านมาทำโลงถึง 2 ครั้งให้พ่อกับแม่ ไม่มีเงินใส่ซองให้พระ เราติดหนี้ศาสนา ทำให้คิดได้ว่า ขนาดแม่เราเป็นคนดีขยันทำมาหากิน วันนึงยังต้องตาย ตอนเราตายเราต้องไม่จนแบบพ่อกับแม่ เราต้องมีเงินให้ได้

พอพ่อแม่เสีย เรากับน้องสาวก็จูงมือกันออกจากบ้าน และตัดสินใจว่าถ้าสร้างตัวไม่ได้จะไม่กลับมาบ้านอีก เราได้มาทำงานที่บริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่ง อยู่กับรถขนทราย รถดัมพ์ แบคโฮล โฟร์แมน ชีวิตอยู่กับผู้ชายทำให้ความคิดคล้ายๆ ผู้ชาย เขาพูดคำหยาบกัน เราไม่ชอบเราก็แค่ฟังแต่ไม่เก็บมาใส่ในตัวเรา พอเวลาใครว่าเรา พี่แต้มมักพูดกับน้องสาวเสมอว่า สมองฉันมีนิดเดียว ความจำกัดของพื้นที่สมองเรามีน้อย ไม่อยากจำอะไรที่เป็นขยะ ที่ไม่เกี่ยวกับการสร้างอนาคต ถ้าพูดแล้วไม่มีประโยชน์ จำแล้วไม่มีประโยชน์ก็ไม่จำ เราชอบฟังคนที่มีการศึกษาพูด 

 

เราก็ทำงานก่อสร้างจนมาเจอธุรกิจแอมเวย์บนรถบรรทุกน้ำ ขอบคุณน้องสาวที่เปิดโอกาสให้ จากนั้นก็ได้เข้ามาเรียนรู้ในเซนเตอร์ ตั้งแต่นั้นก็เห็นสังคมที่ดี

คนอื่นเรียกเราว่า “คุณแต้ม” เรามีความหวังว่าฉันเจอแหล่งผู้ดีแล้ว เราต้องรักษาไว้ ทุกวันอาทิตย์เราต้องเลือกระหว่างสังคมที่ดี กับค่าแรงสองแรง เราตัดสินใจเลือกสังคมที่ดีเพื่อไว้ให้ตัวเองและลูกของเราในอนาคต ตอนนั้นแม้เงินจะไม่พอกิน เราก็มาคิดวางแผน เพราะไปเรียนรู้ค่าแรงไม่ได้ เสียค่ารถไปเรียน เราต้องปรับยังไงให้พอกิน ขนาดต้องซื้อไข่เปลือกร้าวและปลา กระป๋องแบบไม่มีฝาดึงต้องเจาะเอง ที่ราคาถูกกว่า และเก็บผักข้างทางมาตุนไว้กิน ทำให้เราสามารถชดเชยวันอาทิตย์ที่ไม่ทำงานได้ ตอนนั้นค่าแรงวันละ 37 บาท ต้องทำงานหลายวันกว่าจะได้สินค้าสักหนึ่งชิ้น การมาประชุมทำให้เรามีความรู้มากขึ้น และรู้ว่าอัพไลน์รักเรา ตอนนั้นเราไม่มีเงินซื้อสินค้าใช้ เลยขอแบ่งซื้อจากอัพไลน์ และเริ่มออกสาธิต ทำธุรกิจครั้งแรกเมื่อปี 2538 

ตอนนั้นอายุประมาณ 38 เราไม่มีต้นทุนเรื่องเงิน เลยเอาต้นทุนเรื่องกำลัง สมอง ความสามารถในตัวเองมาใช้ ใช้แรงและเวลา เราไม่ปล่อยเวลาไปเปล่าๆ ตอนเป็นกรรมกรก็ชอบทำงานให้เสร็จ แม้ต้องกลับแคมป์ที่พักดึกดื่นก็ไม่เป็นไร ทำให้เจ้านายหัวหน้ารัก พอมาทำ                                                                  แอมเวย์ เราก็เอาความคิดนี้มาใช้ เราเก็บเงินปีนึงซื้อเครื่องสำอางแล้วออกทำสปาหน้า เราไม่รอความพร้อม เริ่มทำทั้งที่ยังไม่พร้อม ถ้ารอให้พร้อมไม่ได้เริ่มต้น คนพร้อมมักไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น  เริ่มต้นจากความไม่พร้อมเราเลยได้ใช้ความสามารถ เราต้องสร้างความพร้อมให้ตัวเองอยู่เสมอ เรายังเขียนแผนไม่ได้ แต่ความพยายามจะทำให้เราเป็นอะไรก็ได้ ครั้งหนึ่งไม่ได้ สองครั้ง สามครั้ง เชื่อสิถ้าเราฝึกเขียนแผนครั้งที่สิบไม่ได้ก็ให้มันรู้ไป คนอย่างเราไม่เคยเอาขยะมาใส่สมอง เอาแต่เรื่องดีๆ มาใส่ ทำไมเราจะจำไม่ได้ เราก็ฝึกเขียนในกระดาษสมุดเป็นเล่มๆ จนเขียนได้ และออกไปทำสาธิตสินค้า เขียนแผน หารูปให้คนเข้าใจเห็นภาพง่ายๆ ไม่ต้องจินตนาการ เพราะใครจะมีสมองที่คิดและเห็นได้เหมือนเรา 

พี่แต้มใช้เวลา 1 ปี  9 เดือน ก็ประสบความสำเร็จ รายได้ก็เพิ่มขึ้น ชีวิตเปลี่ยนไปเลย ได้ไปเที่ยวต่างประเทศ ไปมาแล้วทั้งหมด 10 กว่าประเทศ เราประสบความสำเร็จแล้วได้รางวัลชีวิต 

จากสามีที่เคยไม่เห็นด้วย เคยดูถูกว่าเรา และสมัยก่อนทิ้งเราไปหลายครั้ง เราถามทำไมเดี๋ยวนี้ไม่ทิ้งแล้ว สามีตอบว่า “ผู้หญิงมูลค่าเพิ่ม จะทิ้งได้ไง” (หัวเราะ) แต่ชีวิตตอนนั้นไม่ตลกเลย บางครั้งเวลาเจอสามีด่าว่ามากๆ เราจะรู้สึกเสียใจ ช้ำใจ ท้อใจ พอไปประชุมมาเราก็กลับมาเวิร์คสู้ใหม่ เราคิดอยากให้สามีให้เกียรติเรา แต่เราห้ามความคิดห้ามปากเขาไม่ได้ เราเลยไม่คิด เรามีหน้าที่ต้องไม่ทำให้เขาสมหวัง ระหว่างเขาด่า กับเราฟัง เราสบายแค่ฟังอย่างเดียว ดูว่าใครจะอึดกว่ากัน ดังนั้นเวลาคิดอย่าบวกอย่างเดียว ต้องคิดลบด้วย คือให้หักลบดูว่าสุดท้ายเราเหลือเท่าไหร่ คิดให้เสร็จว่าชีวิตเรายังมีความหวังมั้ย 

 

 ตอนเริ่มธุรกิจช่วงแรกเราไม่มีเงินซื้อสินค้า ไม่มีความรู้และยังไม่เก่ง ยังขายสินค้าไม่ได้ พอมาเรียนรู้เพิ่ม เราเริ่มจัดการการเงินในการทำธุรกิจช่วงแรก โดยการขอยืมจากอัพไลน์ โดยฝากอัพไลน์ซื้อของให้ก่อน พอส่งสินค้าลูกค้าก็นำเงินมาคืนอัพไลน์ วันนึงวิ่งส่งหลายรอบมากและมาคืนอัพไลน์เลย จนสำเร็จขึ้นมาเป็น 9% นับว่าเยอะในสมัยนั้น ก็นำเงินโบนัสลงทุนใช้สินค้าส่วนนึง อีกส่วนนึงไปให้คนในแคมป์ก่อสร้างกู้ ให้ดูเหมือนเราเริ่มรวย (หัวเราะ)  เราจะได้ทำงานง่ายขึ้น ขอสร้างกระแสเงินสดหน่อย เราก็คุยกับอัพไลน์ ถ้าไม่พอก็ยืมอัพไลน์ส่วนนึง ถ้าเรามีเงินมากขึ้น ขายได้มากขึ้นก็ยืมน้อยลง รีบยืมรีบส่งคืนวันต่อวัน อัพไลน์ก็เชื่อใจ รู้ว่าเราพากเพียรจริงๆ เป็นคนที่อยากประสบความสำเร็จจริงๆ 

เราเริ่มทำระบบการเงินส่วนตัว โดยไม่มีใครสอน เพราะเราไม่มีเงินเราเลยต้องทำ อยากมีเงินเลยเขียนไว้ว่า ถ้าได้เงินมาเราจะลงทุนช่องนึง เงินเก็บช่องนึง จะซื้อของ                        แอมเวย์เท่าไหร่ จดเป็นช่อง 4 ช่อง

 

เรารู้จักฟรีเทรด จากการที่เราไปเป็นวิทยากรค่ะ ต้องย้อนไปว่า อัพไลน์เคยบอกไว้ว่า “คนจะเกิดต้องมีบ้านเกิด” ตอนเป็นแพลตตินั่มเราเกิดที่ปู่เจ้าสำโรง แต่ตอนที่เราจะเป็นเพชรเราจะเกิดที่ไหน อัพไลน์เราก็เริ่มมีปัญหาสุขภาพ บอกว่าให้สังเกตดูว่าคนที่อยู่มานานในแอมเวย์ และที่มีสิ่งที่ริชกับเจย์บอกครบทุกอย่าง ให้เลือกอยู่กับคนนั้น พอดีช่วงนั้นคุยกับคุณมลฑณ     สุประฑาน ท่านมาพูดที่เจเจมอลล์  เลยมาชวนเราว่ามาแบ่งปันที่นี่มั้ย แม้ผมไม่ได้ค่าโพเดียมอะไร แต่ผมอยู่กับคุณหมอวัชรา  พอเราได้ยินปุ๊บเราตัดสินใจตกลงเลย เพราะเราประทับใจและชอบแนวทางการสอนของคุณหมอวัชรา ที่สอนให้คนรู้จักคิด รักทุกคนไม่ใช่ลูกเราก็รัก เราก็เข้ามาเรียนรู้กับคุณหมอตั้งแต่นั้น เรารู้จักสถาบันฟรีเทรด สหกรณ์ฟรีเทรดในสมัยนั้น 

พอไปที่เจเจมอลล์ตรงทางเข้างาน ก็ได้เจอคุณดา (อดีตเจ้าหน้าที่สหกรณ์) เขาก็รู้ว่าพี่แต้มเก็บเงินไม่เป็น เขาก็สอนเราเรื่องตัวเลขการวางแผนเก็บเงินแต่เราไม่เข้าใจ วันนึงเจอกันคุณดาก็ทักว่า พี่แต้มเอาเงินมาให้หนูพันนึง เราก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรแต่ให้เขาไป ที่แท้เขาเอาเงินไปเก็บออมให้เรา เจอกันเดือนเว้นเดือนก็ส่งไป เราก็เริ่มเก็บเงินกับสหกรณ์มาตั้งแต่นั้น พอสมัยนี้มาเจอคุณอุ๊(เจ้าหน้าที่สหกรณ์)  คอยมาบอกให้เรารู้ว่าตอนนี้เงินคงเหลือเรามีเท่าไร เราก็ตกใจว่าเรามีเงินในนั้นแสนกว่าบาทแล้ว ถ้าไม่มีวันนั้นเราก็ไม่มีวันนี้

เราเข้าใจแล้วว่า FTC เป็นที่ออมเงินให้เรามีไว้ใช้ได้ในยามฉุกเฉิน พี่แต้มเคยกู้เงินกับ FTC 300,000 โดยใช้ตำแหน่งแพลตตินั่มกู้ ในฐานะที่ฝากมานานแล้ว เลยกู้มาให้เรามีเงินหมุนเวียนทำธุรกิจง่ายขึ้น และส่งเดือนละ 6,000 บาท แต่เรามีพันธสัญญากับตัวเองว่าจะส่ง 10,000 บาทตลอด ที่เหลือ 4,000-5,000 ก็นำไปเพิ่มทุนเรือนหุ้น ที่เหลืออีก 200 ไปเข้าเงินฝาก ในอีก 5 ปี เราจะมีเงินเก็บรวม 800,000 กว่าบาท ใกล้ถึงล้านแล้ว เราก็จะให้กำลังใจตัวเองว่าเราทำได้ 

 

คุณสุวิทย์ กล่าวเสริมว่า อยากให้ทุกท่านเข้าใจว่า การที่เรามีเงินฝากในธนาคาร ถ้าเศรษฐกิจเกิดล้ม หรือมีวิกฤติระยะยาวจนธนาคารไม่มีเงินมากพอจะจ่าย ธนาคารคุ้มครองเงินฝากที่วงเงิน 1 ล้านบาทเท่านั้น และถ้าฝากข้างนอกจะต้องเสียภาษีดอกเบี้ย แต่ถ้ามาฝากกับสหกรณ์ไม่เสียภาษี เวลามีการฝากหุ้น แล้วเกิดมีวิกฤตการเงิน เราสามารถใช้หุ้นมาเป็นหลักประกันได้ ตอนนี้สหกรณ์เปิดตัวแอพลิเคชั่นใหม่ ที่สามารถทำธุรกรรมโอนเงินผ่านแอพโดยที่ไม่ต้องเดินทาง ซึ่งตอนนี้ FTC ปรับตัวสู่ยุคออนไลน์ทำธุรกรรมต่างๆ และติดต่อผ่านออนไลน์ได้แล้ว

จากประสบการณ์ของคุณแต้ม จะเห็นได้ว่า แม้จะอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่อำนวย และไม่ง่ายทั้งในเรื่องการเงิน ที่จะยกระดับตัวเองได้ขนาดนี้ ถ้าไม่ได้โอกาสในธุรกิจแอมเวย์ก็นึกไม่ออกเลย ประทับใจคำว่า สมองเราไม่ใหญ่ ดังนั้นเราไม่จำสิ่งที่เป็นขยะ

พี่แต้มกล่าวว่า ต้องขอบคุณสังคมแอมเวย์ สถาบันฟรีเทรด และสหกรณ์ FTC ที่คอยกระตุ้นให้เราพัฒนา  

 

ก้าวสำคัญของอดีตกรรมกรเปลี่ยนสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ โดย คุณแต้ม คำดี

สิ่งที่ทำให้เราพัฒนาตัวเองจนมาเป็นกรรมกรออนไลน์ เริ่มตั้งแต่ช่วงนั้นโควิดเริ่มมา เราต้องเตรียมตัว พอเราไปเซนเตอร์ เขาบอกจะปิดเซนเตอร์ เราก็ตกใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป เขาบอกต้องใช้ Zoom กัน เราก็ประกาศหาคนสอน ใครที่เป็น Zoom เราจ้างเลย มาสอนให้หน่อย เค้าก็มาสอนพื้นฐานให้ ถ้าคนใส่ใจก็จะเข้าใจ เพราะเรารู้ว่าเวลาจะเดินทางไกล ต้องเริ่มจากก้าวเล็กๆ แค่ก้าวเดียวก้าวแรกก่อน จากวันนั้น รู้เลยว่า เราต้องรู้จักก้าวเอง เรียนรู้เพิ่มจากการลองทำคอนเทนต์ และทำให้ดาวน์ไลน์

เรื่องที่สอง โควิดเข้ามาไม่ต้องขับรถ น้ำมันไม่ต้องเติม ไม่ต้องออกจากบ้านได้พักผ่อน ได้ใช้สมองปัญญา ทรัพย์สินที่มีค่ามหาศาลจากการที่ลงทุนให้เขามาสอนแค่ 3,000 บาท เราสร้างรายได้เดือนละ 50,000 กว่าบาทไม่ตกเลย ชีวิตถ้าจะมีความสุขเราค่อยๆ สร้างความสุขไปทีละวัน เหมือนคนจะเป็นฝ้าไม่ได้ขึ้นมาทีเดียว มันขึ้นมาทีละจุดจนเป็นกระ รวมกันเรียกว่าฝ้า                (หัวเราะ)

หลายคนตอนนี้ อาจจะมองไม่ออกว่าจะไปทางไหน พี่แต้มขอฝากกำลังใจ ให้ทุกคน เพราะวิกฤติมาไม่เคยบอกใคร ถ้าเราตระหนักก่อน เตรียมตัวก่อน เตรียมความคิด ไม่ว่าเกิดอะไร เราต้องมีเงินในบัญชีฉุกเฉินให้อยู่ได้ 6 เดือนหรือ 1 ปี  ที่สำคัญเราต้องกำหนดชะตาชีวิตตัวเอง อย่ายอมให้ใครมากำหนดชีวิตเรา วิธีแก้ให้คุยกับคนที่มีประสบการณ์ อย่าไปคุยปัญหากับคนที่ไม่เคยแก้ปัญหาฟัง  ต้องดูว่าเราคบใคร 5 คนแรกใกล้ตัวเรา เราคบคนมีปัญหาก็จะมีแต่ปัญหา แต่ถ้าเราคบคนที่ไม่มีปัญหา เราก็มีแต่ปัญญา

เราไม่เคยเล่าปัญหาไม่เคยถ่ายทอดความอ่อนแอ เราส่งความแข็งแกร่งแข็งแรงออกไป ใช้กฎแห่งแรงดึงดูดมาก ถ้าเราคิดว่าจะรวย เบื้องบนเขาก็จะมาช่วยให้เรารวยก่อน เราไม่คุยเรื่องท้อกับใคร แม้ในใจลึกๆ เราจะแอบคิดบ้าง แต่เราตื่นตัวตลอดเวลา แม้เราจะไม่มีความรู้แต่เราคิดแบบนี้

 

คุณหมอวัชรา กล่าวว่า จากประสบการณ์ของคุณแต้ม จะสัมผัสได้ว่า ความรู้สึกและประสบการณ์มีค่ากว่าใบปริญญามาก เราได้ทั้งความรู้ ความคิด และความรู้สึก ที่ผู้พูดแต่ละคนให้ได้ไม่เท่ากัน เราได้รับแรงบันดาลใจและได้แนวคิดที่ดีอย่างยิ่งในวันนี้ ต้องขอบคุณคุณแต้มมากที่มาแบ่งปัน 

 

คุณสุวิทย์ กล่าวสรุปในช่วงท้ายว่า ในช่วงนี้วิกฤติเศรษฐกิจที่เมฆหมอกกำลังทะมึนมา เราต้องใช้พลังแรงใจและมีผู้รู้มาช่วยกัน ใครที่มีปัญหาการเงิน ยังไม่เห็นทางออก ขอให้ติดต่อเข้ามาที่ FTC เรามีผู้รู้ทางการเงินที่จะช่วยประคับประคองทุกท่านให้ผ่านวิกฤติไปด้วยกัน


คำถามจาก Facebook และ  Zoom

 

Q: คุณแต้มไม่ได้เรียนจบสูง การอ่านก็ไม่คล่อง  แล้วทำไมจึงอ่านหนังสือ และเป็นวิทยากรได้

คุณแต้ม คำดี : พื้นเดิมเราชอบเรียนรู้ ชอบจดอยู่แล้ว จดในภาษาของเรา พอมีใครมีปัญหามาปรึกษา ถ้าจะไปเจอปัญหานี้ เราจะศึกษาทันทีเพื่อเอาความรู้ไปคุยกับเขา เช่น จะไปเจอเคสคนเป็นมะเร็ง เราจะให้ความรู้เขาก่อน ว่ามะเร็งกลัวอะไร  กลัวคนกินสารอาหาร วิตามินโปรตีนเกลือแร่ ถ้าคุณหาได้ ซื้อมากินเลย แต่ถ้าหาไม่ได้ พี่แต้มช่วยได้

 

ช่วงท้าย ตกผลึกความคิดจากประสบการณ์วิทยากร

    ประสบการณ์จาก คุณแต้ม คำดี ได้ให้แรงบันดาลใจและแนวคิดพลิกชีวิต จากบทบาทของกรรมกรผู้ใช้แรงงานสู่การใช้พลังปัญญาและการเรียนรู้สร้างธุรกิจที่ปรับตัวสู่โลกออนไลน์ แอดเชื่อว่า เพื่อนๆ คงได้กำลังใจและพลังความคิดเต็มเปี่ยม เพื่อนำไปรับมือกับวิกฤติที่จะอยู่กับเรายาวนานไปอีกระยะหนึ่งได้เป็นอย่างดี 

แอดขอแบ่งปันบทสรุปจาก คุณแต้ม คำดี ในการเตรียมเสบียงความคิด เพื่อพร้อมรับมือทุกวิกฤติและลิขิตทางรอดด้วยตนเอง ในยุคโควิด-19 ดังนี้

 

1. เสบียงความมั่นคงทางการเงิน โดยมีบัญชีกระแสเงินสดฉุกเฉิน 6 เดือนถึง 1 ปี 

2. เสบียงความแข็งแกร่งทางจิตใจ หมั่นเติมพลังความคิดบวก พร้อมสู้ทุกสถานการณ์ 

3. เสบียงความเชื่อ เชื่อในพลังความสามารถของตน การลงมือทำ และกำหนดชะตาชีวิตด้วยตัวเอง 

4. เสบียงพลังปัญญา สมองเรามีจำกัดเลือกรับแต่สิ่งดี สร้างนิสัยรักการเรียนรู้ และแสวงหาความรู้จากแหล่งที่ถูกต้อง 

5. เสบียงกัลยาณมิตร เลือกคบคนให้ถูก เข้าหาผู้รู้ เพื่อต่อยอดแนวคิดประสบการณ์ดีๆ และปรึกษาหาทางออกอย่างเหมาะสม 

 

    เพื่อนๆ สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมกับผู้รู้ที่พร้อมให้กำลังใจและแบ่งปันแนวคิดดีๆ ทางการเงินและสุขภาพ ผ่าน FTC Channel ทุกวันเสาร์เวลา 10.00-11.00 น.  สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากปรึกษาปัญหาการเงินในโครงการความช่วยเหลือพิเศษของ FTC สามารถติดต่อ FTC เพื่อขอรับคำปรึกษาได้ฟรีทุกช่องทาง